ส่องโรดแมพ‘เอสซี-แอลพีเอ็น’ เคลื่อนทัพก้าวข้ามวิกฤติมุ่งโตยั่งยืน

ข่าวล่าสุด

วิกฤติโรคระบาดรุนแรงครั้งนี้ทำให้ค่ายอสังหาฯต้องเปลี่ยนโรดแมพไปอย่างสิ้นเชิงบิ๊กคอร์ป “เอสซี แอสเสท” ชู 3 ยุทธศาสตร์ “เติบโต-เชื่อมต่อ-ยั่งยืน” ขับเคลื่อนองค์กร 4 ปีสร้างรายได้แสนล้าน! ขณะที่ “แอล.พี.เอ็น.” เขย่าโครงสร้างองค์กร หวัง “เทิร์นอะราวด์” ในปี 2569

ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จากัด (มหาชน) ประเมินว่า สถานการณ์ตลาดอสังหาฯ พ้นจุดต่ำสุดแล้ว ในปี 2565 ตลาดจะกลับมาคึกคักขึ้นจากการแข่งขันของผู้ประกอบการอสังหาฯ รายใหญ่ที่สามารถเข้าถึงเงินทุนได้มากกว่ารายเล็ก โดยเฉพาะตลาดแนวราบที่กลายเป็นโซลูชั่นของวิถีโลกยุคใหม่จึงมีดีมานด์อย่างต่อเนื่อง สังเกตได้จากตัวเลขยอดขายบ้านในปีที่ผ่านมาเติบโต 29% คิดเป็นมูลค่า 1.2 แสนล้านบาท สูงสุดในรอบหลายสิบปีทำให้แนวราบยังไปได้ดี

“ขณะที่ดีมานด์คอนโดมิเนียมไม่ได้ลดลง แต่ซัพพลายเริ่มลดลง ทว่าสัญญาณที่ดีในปีนี้คือสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย หลายประเทศเริ่มมีนโยบายผ่อนคลายมากขึ้น หวังว่าครึ่งปีหลังต่างชาติเดินทางเข้ามาได้ตามปกติ และในปี2566 ตลาดคอนโดน่ากลับมาดีขึ้น”

ดังนั้นแนวทางการขับเคลื่อนเอสซีแอสเสท 4 ปีจากนี้ วาง 3 ยุทธศาสตร์ในการผลักดันให้องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืนบนวิถีโลกใหม่และสามารถสร้างรายได้ 1 แสนล้านบาทตามเป้าหมาย!

ยุทธศาสตร์แรก เน้น “เติบโต” บนสมรภูมิเดิม และน่านน้ำใหม่ โดยตั้งเป้าหมายรายจากโครงการอสังหาฯ เพื่อขายซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลัก แนวราบสร้างรายได้ 20,000 ล้านบาท ในปี 2568 และเป็นแบรนด์บ้านเดี่ยวอันดับ 1 ในใจผู้บริโภค ขณะที่คอนโดจะเป็นแบรนด์คอนโดอันดับ 1 สำหรับคน Gen Y พร้อมกับเปิดโครงการใหม่มูลรวม 20,000 ล้านบาท ในปี 2565-2568

พร้อมสร้าง “Growth Engine” ตัวที่สอง เพื่อเพิ่มสัดส่วนของกำไรจากโอกาสใหม่จาก ไฮบริด เวิร์คเพลส, เวเคชั่น โฮเทล, แพลตฟอร์มรู้ใจ โซลูชั่น รวมถึงการซื้ออาพาร์ทเมนท์ให้เช่าในสหรัฐ เป็นต้น

ยุทธศาสตร์ที่สอง เป็นการ “เชื่อมต่อ” เพื่อสร้างคุณค่าที่มากกว่าด้วยนวัตกรรมที่เชื่อมต่อถึงสินค้าและบริการ ภายใต้วิธีคิดแบบลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ผ่าน Blockchain Technology รวมทั้งพนักงาน

ยุทธศาสตร์ที่สาม “ยั่งยืน สร้างคุณค่า สู่ผู้คนและสิ่งแวดล้อม” โดยตั้งเป้าหมายลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก ลง 20% ภายในปี 2568 เพื่อเป็นองค์กรที่เติบโตควบคู่กับความใส่ใจสิ่งแวดล้อม

ในปีนี้ เอสซี แอสเสท ตั้งเป้าหมายรายได้และยอดขายที่ 22,000 ล้านบาท โดยเปิด 27 โครงการใหม่ มูลค่า 40,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 25 โครงการ มูลค่า 33,500 ล้านบาท ซึ่งมากกว่า 70% เป็นบ้านเดี่ยวราคามากกว่า 10 ล้านบาท และ เอสซี เป็นผู้นำในตลาดนี้ ส่วนคอนโดเปิด 2 โครงการมูลค่า 6,500 ล้านบาท บนทำเล รถไฟฟ้า BTS 2 สถานี คือ วงเวียนใหญ่ และ ทองหล่อ’

ทางด้าน โอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวล ลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ได้ปรับยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตจาก 3 ปี เป็น 5 ปี โดยนับเริ่มต้นในปี 2565-2569 ซึ่งยังคงเป้าหมายการเติบโต ทั้งด้านรายได้ กำไร ผ่านการบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ โดยการใช้ข้อมูล (Big Data) มาวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าเพื่อการพัฒนาทั้งบ้านพักอาศัย และอาคารชุดพักอาศัย ให้มีฟังก์ชันการใช้งาน ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าในทุกมิติ ในระดับราคาที่เหมาะสม (Affordable Price) พร้อมขยายกลุ่มลูกค้าไปสู่กลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่

แอล.พี.เอ็น.ได้มีการเปลี่ยนโครงสร้างองค์กร รวมไปถึงการปรับแนวคิดในการพัฒนาที่อยู่อาศัยให้ตอบโจทย์กับความต้องการของผู้ซื้อ โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ในการปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อให้การทำงานมีความคล่องตัวในการตัดสินใจ เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารค่าใช้จ่าย และต้นทุนในการดำเนินงาน ยกระดับบริหารประสบการณ์ลูกค้าเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับองค์กร โดยมีเป้าหมายในการสร้างรายได้ไม่น้อยกว่า 16,000 ล้านบาท ในปี 2569

“หลังจากที่เราสามารถก้าวข้ามผ่านความเสี่ยงทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในปี 2564 สามารถรักษาความสามารถในการสร้างรายได้และกำไรไว้ได้ในอัตราที่เหมาะสม ถึงแม้จะเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้ทุกภาคธุรกิจต้องปรับตัวรวมทั้งธุรกิจอสังหาฯ”

สำหรับปี 2565 มีแผนเปิดตัว 16 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 11,000 ล้านบาท เป็นอาคารชุดพักอาศัย 5 โครงการมูลค่า 7,000 ล้านบาทที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว กระจายไปในทำเลต่างๆ หลากหลายทำเล และบ้านพักอาศัยระดับราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท 10 โครงการ มูลค่า 3,300 ล้านบาท และบ้านพักอาศัยระดับราคาเกิน 10 ล้านบาท 1 โครงการ มูลค่า 700 ล้านบาท โดยมีงบลงทุนซื้อที่ดิน 4,000 ล้านบาทเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในปี 2565-2566

“ตั้งแต่ปี 2565-2569 แอล.พี.เอ็น. วางแผนพัฒนาโครงการใหม่ไม่น้อยกว่า 70 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 50,000 ล้านบาท ยอดขายรวมสะสม 5 ปี 50,000 ล้านบาท”

โดยวางเป้าหมายยอดขายปี 2565 ที่ 13,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% เทียบปี 2564 มียอดขาย 8,900 ล้านบาท

อ้างอิง
https://www.bangkokbiznews.com/business